สำหรับอาหารในงานแต่งงาน นับว่าเป็นจุดที่คู่บ่าวสาวควรจะต้องให้ความสำคัญ ขอเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้แขกผู้เข้าร่วมงานจดจำและประทับใจหรือไม่ก็อยู่ที่อาหารที่นำมาเสิร์ฟนี่เอง เรียกว่าเป็นจุดหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ หากคุณเสิร์ฟอาหารได้ไม่ถูกใจแขกผู้มางานแต่ง ก็อาจจะมี เสียงซุบซิบนินทาว่าร้ายให้เราเลยก็เป็นได้ ดังนั้นจึงมีคำแนะนำของรูปแบบอาหารในงานแต่งงานที่คุณต้องนำมาเลือกให้เหมาะสมกับงานของคุณเอง
เสิร์ฟโต๊ะจีน
หากเป็นอาหารประเภทโต๊ะจีนนี่ก็ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการจัดงานแต่งงานแล้ว ขอเป็นรูปแบบอาหารที่มีการเสิร์ฟถึงโต๊ะ แขกที่มาร่วมงานไม่ต้องเดินมาตักอาหารด้วยตนเอง ซึ่งก็เหมาะกับงานแต่งงานที่มีแขกผู้ใหญ่มาเยอะ เพราะทำให้บรรยากาศภายในงานดูเรียบร้อยและไม่เดินกันวุ่นวาย คำแนะนำคือต้องคำนวณแขกที่มาร่วมงานให้พอดีกับโต๊ะจีนที่ได้จัดเตรียมไว้ และในโต๊ะหนึ่งควรมีที่นั่งอยู่ที่ 8-10 ที่นั่ง รวมถึงการวางผังโต๊ะนั่งอย่างดี เพื่อที่จะไม่ได้มีการเปิดโต๊ะใหม่ซ้ำเรื่อยๆ จากการที่แขกลุกนั่งสลับโต๊ะไม่เป็นระบบ
บุฟเฟ่ต์อาหาร
บุฟเฟ่ต์อาหารนั้นจะเหมาะกับการจัดงานแต่งงานตามภัตตาคารห้องอาหาร หรือตามโรงแรมเป็นหลัก เพราะจะมีการวางโซนสำหรับตักบาตรอาหารได้อย่างเป็นระเบียบ แต่การจัดงานแต่งงานนอกสถานที่ก็สามารถเสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องคำนวณจำนวนแขกที่เข้ามาในงาน เพราะการจัดแบบบุฟเฟ่ต์ไม่เหมาะกับงานที่มีแขกเยอะ ทำให้งานดูวุ่นวายจากการที่ต้องมาคอยตักอาหารเดินกลับไปมา แถมยังไม่สามารถควบคุมปริมาณการตักอาหารของแขกร่วมงานได้ แนะนำว่าหากเธอเป็นบุฟเฟ่ก็ควรที่จะเผื่อแขกเกินไว้ด้วย 10-20% เพื่อที่จะได้มีอาหารเพียงพอรองรับ
ค็อกเทล
สำหรับอาหารแบบค็อกเทล ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่จะทำให้งานคุณดูสวยงามมากขึ้น เพราะจะมีการตกแต่งซุ้มอาหารให้ดูน่าทาน ดูน่าถ่ายรูป แต่ต้องยอมรับว่ามีค่าใช้จ่ายถือว่าสูงทีเดียว เพราะต้องรองรับทั้งค็อกเทล และยังต้องมีซุ้มอาหารเพิ่มเติมเพื่อให้ทำให้มีความหลากหลายของอาหารมากขึ้น ซึ่งแนะนำว่าควรมี 4 ซุ้มขึ้นไป และ เผื่อแขกท่านอื่นเกินไว้ด้วย 10-20% ที่สำคัญการเสิร์ฟอาหารรูปแบบนี้จะเน้นการเดินและยืนรับประทานเป็นหลัก ไม่ได้เน้นนั่งรับประทานจนอิ่ม จึงเหมาะกับคู่บ่าวสาวสายปาร์ตี้ที่มีเพื่อนเยอะ และสามารถมาร่วมแจมร่วมจอยข้างล่างเวทีได้
เสิร์ฟอาหารแบบเป็นเซ็ต
การเสิร์ฟอาหารแบบเป็นเซตถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้นในงานแต่งงานปัจจุบัน เพราะเหมาะกับช่วงที่ต้องรักษาสุขลักษณะอนามัย ด้วยการเสิร์ฟอาหารแบบ 1 คนต่อ 1 เซ็ต จึงทำให้ทานใครทานมันไปเลยโดยที่ไม่ต้องแบ่งแชร์อาหารร่วมกัน แต่รูปแบบนี้เหมาะกับงานที่แขกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพราะต้องใช้เวลาเสิร์ฟค่อนข้างมาก หรืออาจจะต้องเตรียมคนสำหรับมาสแตนด์บายยืนเสิร์ฟโดยเฉพาะ และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากค่าแพ็คเกจห่ออาหาร ที่สำคัญจะต้องรับรองไว้ให้เพียงพอ เพื่อจะได้เตรียมอาหารมาได้อย่างพอดีกับจำนวนแขกที่ร่วมงาน
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกการเสิร์ฟอาหารรูปแบบไหน คู่บ่าวสาวควรจะให้ความสำคัญกับความเหมาะสมของรูปแบบงาน รวมไปถึงสถานที่ที่จัด เพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือนได้ดีที่สุด ยุคสมัยนี้ถือว่าสามารถเสิร์ฟอาหารได้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าจะนำเมนูไหนมานำเสนอให้กับแขกได้ทาน ซึ่งหากเมนูนั้นสามารถรสื่อความหมายของคู่รักได้อีกด้วยนั้นจะทำให้ยิ่งน่าประทับใจมากขึ้นไปอีก